ซีรี่ย์จีน : ตำนานรักทุ่งสีเพลิง (Red Sorghum) ละคร “ตำนานรักทุ่งสีเพลิง (Red Sorghum*)” ดัดแปลงมาจากนวนิยายดังเรื่อง “红高粱家族” (Red Sorghum: A Novel of China / Red Sorghum Clan / ตำนานรักทุ่งสีเพลิง) ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) และเป็นนวนิยายเรื่องแรกของ “โม่เหยียน” นักประพันธ์ชาวจีนคนแรกที่คว้ารางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม เมื่อปี ค.ศ. 2012

* Sorghum แปลว่า “ข้าวฟ่าง” สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นอาหารสัตว์หรืออาหารมนุษย์ ในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย มักนำมาทำโจ๊ก ขนมปัง และเบียร์ ส่วนประเทศจีนใช้เมล็ดข้าวฟ่างในการผลิตเหล้าข้าวฟ่างและน้ำส้มสายชู นอกจากนี้ ต้นข้าวฟ่างยังนำมาทำเป็นวัสดุก่อสร้าง เชื้อเพลิง และน้ำตาล ได้ด้วย

ละครเรื่องนี้ยังเป็นเวอร์ชั่นรีเมคของภาพยนตร์ชื่อเรื่องเดียวกันที่เข้าฉายในปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) ซึ่งกำกับโดย “จางอี้โหมว่” นำแสดงโดย “กงลี่” และกวาดรางวัลระดับนานาชาติมาแล้วมากมาย ถึงแม้คราวนี้จะมาในเวอร์ชั่นจอแก้วแต่ดีกรีและกระแสความแรงก็ไม่ด้อยกว่ากัน เพราะได้นักแสดงภาพยนตร์ชื่อดัง “โจวซวิ่น” มารับบทนำหลังห่างหายไปจากวงการโทรทัศน์นานนับ 10 ปี แถมเธอยังกระชากวัยสุดๆ เพราะต้องรับบทเด็กสาววัย 19 ปี (ปัจจุบันนี้เธออายุ 40 ปี) นอกจากนี้ ละครยังได้เพิ่มตัวละครใหม่ที่ไม่มีในบทประพันธ์อย่างเช่น “จางจวิ้นเจี๋ย” รักแรกของจิ่วเอ๋อ และ “ซูเสียน” หญิงม่ายที่ยึดมั่นในหลักจริยธรรมของขงจื๊อและเป็นคู่ปรับของจิ่วเอ๋อ เป็นต้น

เนื้อหาในละครกล่าวถึง “ไต้จิ่วเหลียน” (จิ่วเอ๋อ) เด็กสาวยากจนที่ถูกพ่อ (ขาย) จับแต่งงานกับลูกเจ้าของโรงกลั่นเหล้าจากข้าวฟ่างทั้งๆ ที่เขาเป็นโรคเรื้อน หลังสามีและพ่อสามีถูกฆ่าตายโดยไม่มีทายาทสืบทอด จิ่วเอ๋อจึงกลายเป็นเจ้าของและต้องสานต่อธุรกิจโรงกลั่นเหล้าของครอบครัวสามี ขณะเดียวกันเธอก็มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับ “อวี่จ้านอ๋าว” ชายหนุ่มที่เคยช่วยชีวิตเธอจากกลุ่มโจร (ภายหลังเขาได้จัดตั้งกองกำลังอิสระเพื่อช่วยทางการปราบกลุ่มโจรและต่อสู้กับภัยคุกคามต่างๆ)

ในขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นเหล้าภายใต้การกำกับดูแลของจิ่วเอ๋อกำลังประสบความสำเร็จด้วยดีก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อกองทัพญี่ปุ่น (ซึ่งเข้ามารุกรานและยึดแผ่นดินบางส่วนของจีน (แมนจูเรีย) ได้ระยะหนึ่งแล้ว) เริ่มบุกเข้ามาในพื้นที่ชนบทอันเป็นบ้านเกิดของจิ่วเอ๋อหลังจากสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สองปะทุขึ้น (เป็นสงครามที่เกิดขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่สองเรียกว่า “สงครามแปซิฟิก”) จ้านอ๋าวจึงนำกองกำลังมาช่วยรับมือกับทหารญี่ปุ่น ขณะที่จิ่วเอ๋อเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องพวกพ้องและบ้านเกิด

ละครเปิดฉากขึ้นที่อำเภอเกามี่ (บ้านเกิดผู้ประพันธ์และเป็นสถานที่ถ่ายทำ) ในเมืองเหว่ยฟาง มณฑลซานตง ในช่วงต้นๆ ของยุคปี 1930s* ซึ่งเป็นช่วงที่บ้านเมืองกำลังระส่ำระสายทั้งยังมีโจรชุกชุม หลังนายอำเภอคนเก่าถูกโจรฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม นายทหารกล้า “จูหาวซาน” ซึ่งมีเปาบุ้นจิ้นเป็นไอดอลก็ถูกผู้ว่าการมณฑลซานตงส่งมารับหน้าที่นายอำเภอคนใหม่แทน (นายอำเภอในที่นี้เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่มีอำนาจในการพิจารณาคดีเล็กๆ น้อยๆ) เพียงวันแรกที่มาถึง จูหาวซานก็ถูกโจร “ฮัวป๋อจื่อ” ลองของหวังข่มขู่ให้หวาดกลัว แต่จูหาวซานกลับยิงโจรที่ถูกจับได้ทิ้งและประกาศกร้าวว่าจะกวาดล้างกลุ่มโจรให้สิ้นซาก ทั้งยังติดประกาศให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาอีกด้วย

* ยุคปี 1930s เป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ารุกรานจีนและมีการก่อตั้งรัฐแมนจู (รัฐหุ่นเชิดของญี่ปุ่น ปกครองโดยอดีตจักรพรรดิ์ผู่อี๋ หรือปูยี) แถม “เหมาเจ๋อตุง” ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ กับ “เจียงไคเช็ค” แห่งพรรคก๊กมินตั๋ง (ฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตย) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนก็กำลังห้ำหั่นและทำสงครามกัน – เจียงไคเช็ค (ซึ่งภายหลังเป็นผู้ก่อตั้งประเทศไต้หวัน) มองว่าคอมมิวนิสต์เป็นภัยร้ายแรงกว่าญี่ปุ่นจึงพยายามกวาดล้าง ทำให้จีนในตอนนั้นต้องเผชิญทั้งศึกนอกและใน)