องค์การอนามัยโลกรายงานว่า เชื้อไวรัสโคโรนาชนิดกลายพันธุ์ซ้ำซ้อน “บี1617” ที่พบครั้งแรกในอินเดีย แพร่กระจายไปในอย่างน้อย 44 ประเทศ ครอบคลุมทั้ง 6 ภูมิภาคในโลก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ว่า ในเนื้อหาตอนหนึ่งจากรายงานประจำสัปดาห์ขององค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่าปัจจุบันเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ บี1617 ซึ่งพบครั้งแรกในอินเดีย เมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว แพร่กระจายไปในอย่างน้อย 44 ประเทศ ครอบคลุมทั้ง 6 ภูมิภาค ตามการแบ่งพื้นที่ของดับเบิลยูเอชโอ
 
ทั้งนี้ ดับเบิลยูเอชโอประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ บี1617 ซึ่งมีการกลายพันธุ์ซ้ำซ้อนในตำแหน่งสำคัญของโปรตีนหนาม ที่เชื้อโรคใช้เกาะติดกับเซลล์ในร่างกายมนุษย์ จัดเป็น “สายพันธุ์น่ากังวล” นับเป็นเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์รายการที่ 4 ซึ่งดับเบิลยูเอชโอจัดเข้ากลุ่ม ต่อจากสายพันธุ์บี117 พบครั้งแรกในสหราชอาณาจักร และเป็นเชื้อกลายพันธุ์ซึ่งพบมากที่สุดในโลก บี11281 หรือพี1 พบครั้งแรกในบราซิล และบี1351 พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้
 
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคในภาพรวมของแต่ละภูมิภาคนั้น ภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก ยังคงน่าวิตกกังวล โดยสถิติผู้ป่วยใหม่ในรอบ 7 วันล่าสุด จนถึงวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา มีจำนวน 2,877,410 คน คิดเป็น 52% ของจำนวนผู้ป่วยใหม่ทั่วโลกในรอบสัปดาห์ล่าสุด ส่วนสถิติผู้เสียชีวิตเพิ่มในรอบ 7 วันล่าสุด มีจำนวน 28,977 ราย คิดเป็น 32% ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกในรอบสัปดาห์ล่าสุด
 
อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคอเมริกา ซึ่งรวมทั้งอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ เป็นภูมิภาคที่ยังคงครองสถิติมีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสะสมจากโรคโควิด-19 มากที่สุดในโลก โดยสถิติผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 63.5 ล้านคน คิดเป็น 40% ของทั้งโลก และผู้เสียชีวิตสะสมมากกว่า 1.5 ล้านคน คิดเป็น 47% ของทั้งโลก